6 มีนาคม 2554

7 สิ่งที่ทางนิตยสาร T3 สรุปให้ iPad2

หลังจาก iPad2 ได้ออกมายลโฉมความสามารถและสเปคของเครื่องกันไปแล้ว และอีกไม่ถึง 5 วันนี้ก็จะออกมาวางขายกันแล้ว ทางนิตยสาร T3 ของต่างประเทศได้สรุปย่อๆพร้อมภาพประกอบให้เราเอาได้ดูอย่างง่ายๆ ด้ยการสรุป 7 สิ่งเด่นๆมาให้เราได้ดูกันดังนี้

7 สิ่งหลักของ iPad2 และ มันมีผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยีอย่างไร



และมันส่งผลอย่างไรต่อตลาด

1. มีทั้งกล้องหน้าและหลัง กล้องหน้าเป็น VGA กล้องหลัง 720 พิกเซล HD

การที่ iPad2 มีทั้งกล้องหน้าและหลังนั้นทำให้ Facetime หรือการสนทนาแบบเห็นหน้ากันนั้นทำได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นไม่จำกัดอยู่แค่ที่ iPhone อย่างเกียว

การที่กล้องเพิ่มขึ้นทำให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ดูสมจริงและน่าเล่นมากขึ้น

2. คือมันบางลง และ เบาขึ้น

การที่เบาลงแต่บางขึ้นนั้นทำให้เจ้า iPad2 นั้นง่ายต่อการพกพา

3. ราคาที่ถูกลง (ซึ่งเค้าใช้คำได้สวยมากคือ Affordable)


ราคาที่ถูกลงทำให้มีคนที่สามารถจะยอมจ่ายตังซื้อเจ้า iPad2 มากขึ้น


4. มีสองค่ายคือ AT&T และ Verizon

การที่มีสองเจ้านี้ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนได้มากขึ้น สามารถคอนเนคที่ไหนก็ได้

5. สามารถต่อ HDMI ได้ โดยใช้ Adapter

การต่อ HDMI ได้นั้นทำให้สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวโดยการสัมผัสหน้าจอที่ คอมพิวเตอร์ธรรมดาไม่สามารถทำได้ (เป็นประโยชน์อย่างมากเวลา Present งาน)


6. เจ้าไกโรสโคป (Gyroscope) ตัวจับการสั่นสะเทือน

จะเพิ่มอรรถรสอย่างมากต่อการเล่นเกม (นึกถึงสมัย ดิจิมอล เขย่ากันมันสิ)


7. CPU & กราฟฟิก ของ iPad2 นั้นเร็วขึ้นเป็น Dual core เร็วกว่า iPad เท่าตัวแต่กินหลังงานน้อยกว่าชิป A4 และเป็น Tablet ตัวแรกที่นำเอา Dual core มาใช้

กราฟฟิกและ CPUที่ดีขึ้นนั้นทำให้ได้ภาพที่สวยงามกว่ารวดเร็วทันใจกว่า

ส่วนวันที่จะลงขายก็คือ 11 มีนาคม นั้นเอง

การที่ iPad2 นั้นลงตลาดมาในเวลานี้ ในมุมมองของผมนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีอย่างมาก เนื่องจากทางค่าย RIM ก็เพิ่งออก Tablet ตัวแรกของค่ายออกมา แต่ความสามารถนั้นก็แค่ประมาณ iPad1 เท่านั้น หาได้เทียบเท่า iPad2 ไม่ แต่ผมคิดว่าค่ายใหญ่ๆนั้นก็คงต้องมีการรับมือกันอยู่แล้วเราก็แค่รอดูกันไปว่าแต่ละค่ายจะออกอะไรมาห่ำหันกันเองอีกและเราก็อย่างลืมว่ายังมีค่าย Tablet ตัวจิ๋วของ Samsung อีกค่ายนึงด้วยนะจ๊ะ ไหนจะค่าย Dell, Acer, Motorolla และอื่นๆอีกมากมายหลายยี่ห้อ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยทำการตลาดในไทยซักเท่าไร แต่อย่างไรก็ตามผลประโยชน์ก็คงหนีไม่พ้นที่จะตกมาอยู่กับผู้บิรโภคอย่างเราๆนั้นเอง แต่อย่าตามเทคโนโลยีกันจนเกินไปนะครับเดี๋ยวจะปวดเศียร์เวียนเกล้ากับค่าตัวของแต่ละสิ่งอย่างที่ออกมายั่วตายั่วใจเราอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าท่านมีสตางค์ก็อย่าได้แคร์จัดเต็มไปเลยครับ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น